ลักษณะทั่วไปของผักหวานป่า
ผัก
หวาน
ป่า
เป็น
พืช
ใน
วงศ์ Opiliaceae มี
ชื่อ
วิทยา
ศาสตร์
ว่า
Melientha suavis Pierre ชาว
บ้าน
แถว
จังหวัด
สุรินทร์
เรียก ผัก
หวาน
ชื่อ
ที่
เรียก
กัน
ทั่ว
ไป คือ ผัก
หวาน ซึ่ง
อาจ
สับ
สนกับผัก
หวาน
บ้าน
ที่
จะ
กล่าว
ถึง
ใน
ตอน
ท้าย
ผัก
หวาน
ป่า เป็น
ไม้
ยืน
ต้น
ขนาด
กลาง ต้น
ที่
โต
เต็ม
ที่
อาจ
สูง
ถึง 13 เมดร แค่
ที่
พบ
โดย
ทั่ว
ไป
มัก
มี
ลักษะเป็น
ไม้
ยืน
ต้น
ขนาด
เล็ก หรือ
เป็น
ไม้
พุ่ม เนื่อง
จาก
มี
การ
หักกิ่ง เด็ด
ยอด เพื่อ
กระตุ้น
ให้
เกิดกิ่งและ
ยอด
อ่อน
ซึ่ง
เป็น
ส่วน
ที่
ใช้
บริโภค ใบ
ของ
ผัก
หวาน
ป่า
เป็น
ใบ
เดี่ยว
เรียง
สลับ
กัน ใบ
อ่อน
รูป
ร่าง
แคบ
รี ปลาย
ใบ
แหลม สี
เขียว
อม
เหลือง ใบ
แก่
เต็ม
ที่
รูป
ร่าง
รี
กว้าง ถึง
รูป
ไข่
หรือ
รูป
ไข่
กลับ ใบ
สี
เขียว
เข้ม เนื้อ
ใบ
กรอบ ขอบ
ใบ
เรียบ ปลาย
ใบ
มน ขนาด
ของ
ใบ
ประมาณ 2.5-5 ซม.
x 6- 12 ซม. ก้าน
ใบ
สั้น ช่อ
ดอก
แตกกิ่งก้าน
คล้าย
ช่อ
ดอก
มะม่วง
หรือ
ลำ
ใย และ
เกิด
ตามกิ่งแก่ หรือ
ตาม
ลำ
ต้น
ที่
ใบ
ร่วง
แล้ว ดอก
มี
ขนาด
เล็ก
เป็น
ตุ่ม
สี
เขียว
อัด
กัน
แน่น
เป็น
กระจุก ขณะ
ที่
ยัง
อ่อน
อยู่ ผล
เป็น
ผล
เดี่ยว ติด
กัน
เป็น
พวง เหมือน
ช่อ
ผล
ของ
มะไฟ
หรือ
ลาง
สาด แต่
ละ
ผล
มี
ขนาด
ประมาณ 1.5 x 2.5 ซม. ผล
อ่อน
สี
เขียว
มี
นวล
เคลือบ และ
เปลี่ยน
เป็น
สี
เหลือง
ถึงหลือ
งอม
ส้ม เมื่อ
ผล
สุก
แต่
ละ
ผล
มี
เมล็ด
เดียว
มี
พืช
อีก
ชนิด
หนึ่ง
อาจ
เรียก
ว่า
ผัก
หวาน
ด้วย
เช่น
กัน ชนิด
นี้
มี
ชื่อ
ใน 3-6 เมล็ด
ผัก
หวาน
ชนิด
นี้
รับ
ประทาน
ยอด
อ่อน
ได้
เช่น
เดียว
กัน มี
ชื่อ
เรียก
อื่น ๆ อีก เช่น มะยม
ป่า ผัก
หวาน ผัก
หวาน
บ้าน ผัก
หวาน
ใต้
ใบ เป็น
ต้น
นอก
จาก
นี้
ยัง
มี
พืช
อีก
ชนิด
หนึ่ง
ที่
มี ยอด
อ่อน
ลักษณะ
เหมือน
ยอด
อ่อน
ของ
ผัก
หวาน
ป่า
มาก
จน
มี
การ
เก็บ
ผิด
อยู่
เสมอ และ
เมื่อ
กิน
เข้า
ไป
จะ
เกิด
อาการ
เมา
เบื่อ พืช
นี้
มี
ชื่อ
วิทยา
ศาสตร์
ว่า
Urobotrya siamensis hiepko คน
ลำ
ปาง เรียก แก
ก้อง
หรือ
นาง
แย้ม ชาว
เชียง
ใหม่
เรียก
นาง
จุม จันทบุรี
เรียก ผัก
หวาน
เขา กาญจนบุรี
และ
ชล
บุรี
เรียก ผัก
หวาน
ดง สระ
บุรี
เรียก ผัก
หวาน
เมา หรือ
ช้า
ผัก
หวาน ภาดอีสาน
เรียก เสน หรือ เสม ส่วน
ทางประจวบ
คีรี
ขันธ์
เรียก
ว่า ดี
หมี อย่าง
ไร
ก็
ตาม
หาก
สังเกต
ต้น
และ
ใบ
ที่
แก่ จะ
มี
ลักษณะ
ต่าง
กัน
เห็น
ได้
ชัด
ดัง
นี้
| ผักหวานป่า | เสน |
รูปร่างใบแก่ | รูปไข่ค่อนไปทางกลมกว้าง | รูปรีขอบขนาน |
ปลายใบ | มนหรือบุ๋มมีติ่งดรงปลาย | แหลมถึงป้านเล็กน้อย |
เนื้อใบสด | กรอบเปราะเมื่อบีบด้วยอุ้งมือได้ยิน | นุ่มเหนียวไม่หักง่าย |
| เสียงดังกรอบแกรบ | |
ผิวใบดัานบน | เขียวเข้มเป็นมัน | เขียวเข้มผิวด้าน |
ช่อดอก | เกิดตามกิ่งหรือลำต้นแก่ ๆ ไม่มีใบติด | เกิดตามซอกใบ |
ลักษณะช่อ | แดกกิ่งก้าน | ไม่แตกกิ่ง |
ดอก | เป็นกระจุกแน่นไม่มีใบประดับรองรับ | ดอกมีใบประดับรองรับเป็น |
| | ชั้น ๆเป็นระเบียบ |
ผล | ใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ | เล็กเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ |
| 1.5 ซม.เมื่อสุกมีสีเหลือง | 5 มม. เมื่อสุกมีสีส้ม |
| | แดงถึงแดงจัด |
การขยายพันธุ ์
การ
ขยาย
พันธุ์
ผัก
หวาน
ป่า
ที่
ได้
ผล
ดี
ที่
สุด
ใน
ปัจจุบัน
คือ วิธี
การ
เพาะ
เมล็ด เนื่อง
จาก
วิธี
การ
อื่น ๆ เช่น การ
ตอน การ
ตัด
ชำ มี
เปอร์เซ็นต์
การ
ออก
ราก
ด่ำ
มาก และ
ใช้
เวลา
นาน
ไม่
น้อย
กว่า 4 เดือน จึง
จะ
ออก
ราก รวม
ทั้ง
จำนวนกิ่งที่
ได้
น้อย เนื่อง
จาก
ต้น
แม่
พันธุ์
หา
ยาก การ
ขยาย
พันธุ์
ด้วย
เมล็ด
จึง
เป็น
วิธี
ที่
ง่ายและ
ได้
ผล
มาก
ที่
สุด โดย
มี
เงื่อน
ไข
และ
วิธีปฎิบัติ ดัง
นี้
1. คัด
เฉพาะ
ผล
ผัก
หวาน
ป่า
ที่
สุด
และ
สด
ใหม่
เท่า
นั้น
2. แยก
เนื้อ
หุ้ม
เมล็ด
ทิ้ง และ
ขัด
ล้าง
เมล็ด
ให้
สะอาด
ด้วย
ตะแกรง หรือ
ภาชนะ
ที่
มี
ผิว
หยาบ เช่น
ใน
กระ
ดัง
หรือ
เข่ง
ไม้
ไผ่ ควร
ใส่
ถุง
มือ
ยาง
ขณะ
ทำ
งาน
เนื่อง
จาก
เนื้อ
หุ้ม
เมล็ด
มี
สาร
ที่
ระคาย
เคือง
ต่อ
ผิว
หนัง
3. นำ
เมล็ด
ที่
ขัด
สะอาด
แล้ว
แช่
น้ำ แยก
เมล็ด
ที่
ลอย
น้ำ
ออก
4. นำ
เมล็ด
ที่
จม
น้ำขื้นผื่งพอ
สะ
เด็ด
น้ำ คลุก
ด้วย
ยา
กัน
รา
ให้
ทั่ว แล้ว
นำ
ขึ้น
เกลี่ย
ใน
กระด้ง
หรือ
ตะแกรง
ให้
เป็น
ชั้น หนา
ไม่
เกิน 1 นิ้ว คลุม
ตะแกรง
ด้วย
กระสอบ
ป่าน ที่
ชุบ
น้ำ
หมาด ๆ เก็บไว์ใน
ที่
ร่ม 2-3 วัน
5. ดรวจดู
เมล็ด ถ้า
เปลือก
เมล็ด
เริ่ม
แตก
ร้าว ให้
นำ
ไป
เพาะ
ใน
ถุง
พลาสติก
ที่
มี
ความ
ลึก
ไม่
น้อย
กว่า 8 นิ้ว
6. วัสดุ
ที่
ใช้
เพาะ
ได้
ผล
ดี
ควร
ใช้
ดิน
ลูก
รัง ทราย
หยาบ และ
ปุ๋ย
คอก
เก่า หรือ
ใบ
ไม้
ผุ ร่อน
ด้วย
ดะ
แก
รง
ตา
ถี่ครื่งเซนดิเมตร ผสม
กัน
ใน
อัตรา
ส่วน 1:1:1 โดย
ปริมาตร
7.วิธี
เพาะ
ให้
กด
เมล็ด
ด้วย
นิ้ว
มือ
พอ
ให้
เมล็ด
จม
เสมอ
ผิว
ดิน หรือ
โผล่
พ้น
ผิว
ดิน
เพาะ
เล็ก
น้อย
นำ
ไป
ไว้ไตัร่ม
เงา
ที่
มี
ความ
เข้ม
แสง ประมาณ 40-50 %
8. ดู
แล
รด
น้ำ
ให้
พอ
วัสดุ
เพาะ
ชื้น ระวัง
อย่าใหัแฉะ
ใน
ช่วง
เดือน
แรก
ผัก
หวาน
ป่า
จะ
มี
การ
พัฒนา
ของ
ระบบ
ราก
อย่าง
รวด
เร็ว เมื่อ
เข้า
เดือน
ที่
สอง
จึง
เริ่มทะยอยแทง
ยอด
ขึ้น
พ้น
ดิน
ให้
เห็น
บ้าง หลัง
จาก
เพาะ
ได้ 2 เดือน
ครึ่ง ต้น
ผัก
หวาน
ป่า
จะ
สูง
ประมาณ 5 -10 ซม.หลังจ
ากนี้
อาจ
ใช้
ปุ๋ย
เกร็ด
สูตร 15-15-15 ผสม
น้ำ
ฉีด
พ่น
กล้า
ทุก 2 สัปดาห์ การ
เจริญ
เติบ
โต
ของ
ลำ
ต้น
เหนือ
ดิน
ใน
ปี
แรก
จะ
ช้า
มาก
การปลูกและบำรงรักษา
ควร
เริ่ม
เตรียม
หลุม
ปลูก
ใน
ช่วง
หลัง
สงกรานต์ โดย
ขุด
หลุม
ขนาด 50X50 ซม.รองก้นหลุม
ด้วย
ปุ๋ย
คอก
หรือ
ปุ๋ย
หมัก
ประมาณ
ครึ่ง
ปี๊บ คลุก
เคล้า
ผสมกับหน้า
ดิน โดย
ลง
หลุม
ทิ้ง
ไว้ 2-3 อาทิตย์
ใน
ขณะ
เดียว
กัน
ก็
เริ่ม
สร้าง ความ
แข็ง
แรง
ให้
ต้น
กล้า
ก่อน
ย้าย
ปลูก
ลง
หลุม จริง
ด้วย
การ
รด
น้ำ
ให้
น้อย
ลง ให้
ต้น
กล้า
ได้
รับ แสง
แดด
เพิ่ม
ขี้
นที
ละ
น้อย ละ
ลาย
ปุ๋ย
โปแตสเซี
ยม
ในเตรท ความ
เข้ม
ขัน
ไม่
เกิน 2 % (1 กรัม
ต่อ
น้ำ 50 ลิดร) รด
ต้น
กล้า
ก่อน
ย้าย
ปลูก ประมาณ 2 อาทิตย์
และ
งด
ให้
น้ำ 1 วัน ล่วง
หน้า
ก่อน
ย้าย
ปลูก
ใน
การ
ถอด
ถุง
พลาสติก
เพื่อ
นำ
กล้า
ลง
ปลูก
ใน
หลุม ต้อง
ระวัง
อย่า
ให้
กระเปาะ
ดิน
แตก
หัก
หรือ
ราก
ขาด เพราะ
จะ
ทำ
ให้
ต้น
กล้า
ชะงัก
การ
เจริญเดิบ
โต
เป็น
เวลา
นาน การ
ปลูก
ควร
ให้
ต้น
กล้า
สูง
กว่า
ปาก
หลุม
ประมาณ 5 ซม. แล้ว
พูน
ดิน
กลบ
โคน
ขึ้น
โดย
รอบ เพื่อ
ป้อง
กัน
ไม่
ให้
มี
น้ำ
ขัง
ใน
หลุม
ปลูก
เมื่อ
มี
การ
ให้
น้ำ
หรือ
ฝน
ตก จาก
นั้น
หว่าน
เมล็ด
ถั่ว
เขียว
เป็น
วง
รอบ
หลุม
ให้
ห่าง
จาก
ต้น
กล้า
ประมาณ 15-20 ซม. เพื่อ
ให้
ต้น
ถั่ว
เป็น
พี่
เลี้ยง
ใน
ระยะ
แรก ก่อน
สิ้น
ฤดู
ฝน
ประมาณ
เดือน
กันยายน ให้
หว่าน
ถั่ว
มะ
แฮะ หรือ
พืช
ตระกูล
ถั่ว
ที่
มี
ลำ
ต้น
สูง
และ
ไม่
ทิ้ง
ใบ
ช่วง
ฤดู
แล้ง โดย
หว่าน
เป็น
วง
รอบ
ห่าง
จาก
ต้น
ผัก
หวาน
ป่า รัศมี 70-100 ซม. เพื่
อให้
เป็น
ไม้
บัง
ร่ม
ใน
ช่วง
ฤดู
แล้ง ระยะ
ปลูก
ผัก
หวาน
ป่า
ควร
ใช้
ระยะ 2-3 X 2-3 เมตร โดย
เลือก
สภาพ
ที่
ดิน
ที่
ลาด
เอียง
เล็ก
น้อย หรือ
อาจ
ปลูก
แซม
ใน
ส่วน
ที่
ค่อน
ข้าง
แห้ง
แล้ง
ได้ เช่น
ใน
สวน
ป่า
สัก ผัก
หวาน
ป่า
จะ
ใช้
เวลา
ไม่
ต่ำ
กว่า 3 ปี จึง
เจริญ
เติบ
โต
ถึง
ระยะ
เริ่ม
เก็บ
ผล
ผลิต
ได้ การ
ใส่
ปุ๋ย
กระตุ้น
การ
เจริญ
เติบ
โต ควร
ใส่
ปุ๋ย
คอก
หรือ
ปุ๋ย
ที่
หมัก
จน
สลาย
ตัว
ดี
แล้ว หว่าน
กระจาย
โดย
รอบ
โคน
ต้น
ใน
รัศมี 50 ซม. ต้นล
ะ 1 ปี๊บ
ใน
ช่วง
ฤดู
ฝน
ปี
ละ
ครั้ง ห้าม
ใช้
จอบ
ขุด
พรวน
รอบ
โคน
ต้น หาก
ต้อง
การ
กำจัด
วัช
พืช
ให้
ใช้ วิธี
ถอน
หรือ
ใช้
มีด
ฟัน
ให้
ราบ เพื่อ
ป้อง
กัน
ราก
ผัก
หวาน
ไม่
ให้
กระ
ทบ
กระเทือน
การกระตุ้นยอดอ่อนเพื่อเก็บจำหน่าย
เมื่อ
ผัก
หวาน
ป่า
เจริญ
เติบ
โต
เต็ม
ที่ ก็
เริ่ม
ทำ
การ
ตัด
แต่งกิ่ง โดย
หัก
ปลายกิ่งแขนง
ทิ้ง
ให้
เหลือ
ยาว 15-20 ซม. รูด
ใบ
แก่
บาง
ส่วน
ทิ้ง
ให้
เหลือ
ติดกิ่งละ 3-4 ใบ พร้อม ๆ กับการ
ให้
น้ำ
พอ
ดิน
ชื้น เมื่อย
อด
แตก
ออก
มา
ยาว
ประมาณ 15-25 ซม. ก็
ตัด
ออก
และ
มัด
เป็น
กำ
ส่ง
จำหน่าย
ได้ หลัง
จาก
ตัด
ยอด
ออก
จำหน่าย
แต่
ละ
ครั้ง ให้
ใส่
ปุ๋ย
คอก
ต้น
ละ 1-2 ปี๊บ
หว่าน
รอบ
โคน
ต้น
พร้อมกับให้
น้ำ เพื่อ
บำรุง
ต้น
ให้
สมบูรณ์ไดยเร็ว
ต่อ
ไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น