ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์
เกษตรมาแรงยุคนี้ ข่าวเกษตรเงินล้าน รวยแบบพอเพียง รวยแบบรากหญ้า
หน้าเว็บ
หน้าแรก
วันศุกร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554
การปลูกมะเขือเทศ
แบ่ง
ได้
เป็น 2 ชนิด
คือ
1. พันธุ์
สำหรับ
ปลูก
ขาย
ตลาด
สด
ซึ่ง
แบ่ง
ออก
ได้
ตาม
ขนาด
ผล
และ
การ
ใช้
ควร
มี
ลักษณะ
ดัง
นี้
1.1 พันธุ์
ผล
โต นิยม
ใช้
ทำ
สลัด
และ
ประดับ
จาน
อาหาร เช่น พันธุ์ฟลอราเดล และ
มาสเตอร์เบอร์ 3 เป็น
ต้น
มี
ลักษณะ
ดัง
นี้
คือ
มี
ผล
ทรง
กลม
แบบ
แอปเปิ
ล
สี
ผล
เขียว มี
ไหล่
เขียว สุก
แดง
จัด
มี
จำนวน
ช่อง
ใน
ผล
มาก ไม่
กลวง
รส
ดี เนื้อ
หนา
แข็ง เปลือก
ไม่
เหนียว
1.2 พันธุ์
ลูก
เล็ก นิยม
ใช้
ประกอบ
อาหาร
พื้น
บ้าน ได้
แก่ พันธุ์
สี
ดา
, ห้าง
ฉัตร มี
ลักษณะ
ดัง
นี้
ผล
เล็ก
สี
ชมพู นิยม
มาก
กว่า
แดง
รส
เปรี้ยว ไม่
ขื่น
2. พันธุ์
สำหรับ
ส่ง
โรง
งาน
อุตสาหกรรม
ได้
แก่
พันธุ์ วี เอฟ 134-1-2, พี 502, พี 600 เป็น
ต้น ควร
มี
ลักษณะ
ดัง
นี้
2.1 เป็น
พันธุ์
ที่
สุก
พร้อม
กัน
เป็น
ส่วน
ใหญ่
2.2 ขั้ว
ผล
ควร
หลุด
จาก
ผล
ได้
ง่ายเมื่อ
ปลิด
ผล
2.3 ผล
สุก
มี
สี
แดง
จัด
ตลอด
ผล
2.4 ไส้
กลาง
ของ
ผล
สั้น เล็ก
และ
ไม่
แข็ง
แรง
2.5 เนื้อ
มาก น้ำ
น้อย มี
ปริมาณ
กรด
สูง
2.6 ผล
แน่น แข็ง เปล
อก
หนา
และ
เหนียว สามารถ
ขน
ส่ง
ได้
ใน
ระยะ
ทางไกล ๆ และ
เก็บ
ไว้
ได้
นาน
โดย
ไม่
เน่า
เสีย
ฤดู
หนาว เป็น
ฤดู
ที่
เหมาะ
สม
ที่
สุด
ใน
การ
เจริญ
เติบ
โต
ของ
มะเขือ
เทศ อุณหภูมิ
ที่
เหมาะ
สม
ที่
สุด
ใน
การ
เจริญ
เติบ
โต
อยู่
ระหว่าง 18-28 องศา
เซลเซียส
ซึ่ง
ต้น
จะ
แข็ง
แรง
และ
ติด
ผล
มาก ถ้า
ความ
ชื้น
ของ
อากาศ
และ
อุณหภูมิ
สูง
จะ
ทำ
ให้
ผล
ผลิต
และ
คุณภาพ
ลด
ลง และ
ทำ
ให้
เกิด
โรค
ต่าง ๆ ง่า
ย
ปัญหา
การ
ปลูก
มะเขือ
เทศ
ใน
ฤดู
ฝน
คือ ใน
ฤดู
ฝน
มี
ความ
ชื้น
และ
อุณหภูมิ
เหมาะ
แก่
การ
เจริญ
เติบ
โต
ของ
โรค
หลาย
ชนิด และ
มะเขือ
เทศ
บาง
พันธุ์
ผล
จะ
แตก
ง่ายเมื่อ
ฝน
ตก
แต่
ถ้า
ต้อง
การ
จะ
ปลูก
มะเขือ
เทศ
ใน
ฤดู
ฝน
สิ่ง
ที่
จะ
ต้อง
ปฏิบัติ
คือ
1. เลือก
พื้น
ที่
ปลูก
ที่
สูง
มี
การ
ระบาย
น้ำ
ดี
เป็น
พิเศษ
2. ดิน
มี
สภาพ
เป็น
กลาง คือ
มี
ค่า
ความ
เป็น
กรด
เป็น
ด่าง (pH) ประมาณ 6.5-6.8
3. ใช้
พันธุ์
ที่
เหมาะ
สม
คือ
ให้
ผล
ดก
ใน
ฤดู
ฝน
และ
ฤดู
ร้อน
4. มี
การ
ปฏิบัติ
รักษา
อย่าง
ถูก
ต้อง
ดี
คือ เตรียม
ดิน
ใส่
ปุ๋ย
ถูก
ต้อง ฉีด
พ่น
สาร
ป้อง
กัน
กำจัด
ศัตรู
พืช
อย่าง
ถูก
ต้อง
และ
บ่อย
ครั้ง
เป็น
พิเศษ อย่า
ปล่อย
ให้
โรค
ทำลาย
ก่อน
แล้ว
จึง
คิด
ป้อง
กัน
กำจัด ปกติ
ผู้
ปลูก
ที่
ประสบ
ความ
สำเร็จ
มัก
ใช้
สาร
ป้อง
กัน
กำจัด
แมลง
และ
เชื้อ
รา
สูง
กว่า
ใน
ฤดู
ปกติ
ดิน
ที่
เหมาะ
สม
ใน
การ
ปลูก
มะเขือ
เทศ
มาก
ที่
สุด
ควร
เป็น
ดิน
ร่วน
มี
อินทรียวัตถุ
สูง
และ
มี
การ
ระบาย
น้ำ
ดี ความ
เป็น
กรด
เป็น
ด่าง
ของ
ดิน (pH) ประมาณ 6.5-6.8 ถ้า
ดิน
เป็น
กรด
หรือ
ด่าง
มาก
เกิน
ไป
จะ
ทำ
ให้
ดิน
ขาด
ธาตุ
อาหาร
บาง
อย่าง
ได้ หรือ
ธาตุ
อาหาร
บาง
ชนิด
สามารถ
ละ
ลาย
ออก
มา
ได้
มาก
เกิน
ไป
จน
เป็น
เหตุ
ให้
เป็น
พิษ
ต่อ
ต้น
พืช การ
จะ
ทราบ
ว่า
ดิน
บริเวณ
ที่
จะ
ปลูก
เป็น
กรด
หรือ
ด่าง
เท่า
ใด
ก็
โดย
ส่ง
ตัว
อย่าง
ดิน
ไปวิเคราะ
ห์ที่
กอง
เกษตร
เคมี กรม
วิชา
การ
เกษตร บาง
เขน กรุง
เทพ
มหา
นคร ซึ่ง
ทา
งกองเกษตร
เคมี
จะ
ได้
แนะ
นำ
การ
ปรับ
ดิน
ให้
เหมาะ
สมกับการ
ปลูก
พืช
ต่อ
ไป
การ
ปลูก
มะเขือ
เทศ
โดย
ทั่ว
ไป
ไม่
ควร
ปลูก
ซ้ำ
ที่เดิมหรือ
ใน
พื้น
ที่
ปลูก
พืช
ใน
ตระกูล
เดียวก
ันกับมะเขือ
เทศ
มา
ก่อน เช่น พริก มะเขือ
และ
ยา
สูบ เป็น
ต้น เพราะ
อาจ
มี
เชื้อ
โรค
ต่าง ๆ สะ
สมอ
ยู่
ใน
ดิน ซึ่ง
เป็น
โอกาส
ให้
มะเขือ
เทศ
เป็น
โรค
ได้
ง่า
ย
การ
เตรียม
ดิน
สำหรับ
ปลูก
มะเขือ
เทศ
ต้อง
พิถีพิถัน
เป็น
อย่าง
มาก ดิน
ต้อง
มี
การ
ระบาย
น้ำ
ดี กำจัด
วัช
พืช
ให้
หมด เพราะ
วัช
พืช
นอก
จาก
จะ
แย่งน้ำ อาหาร
และ
แสง
แดด
แล้ว
ยัง
เป็น
ที่
อยู่
อาศัย
ของ
โรค
และ
แมลง
ได้
อย่าง
ดี
อีก
ด้วย ดัง
นั้น ถ้า
หาก
มี
การ
เตรียม
ดิน
ให้
ดี
ตั้ง
แต่
เริ่ม
แรก
จะ
ป้อง
กัน
การ
งอก
ของ
วัช
พืช
ไป
ได้
นาน ควร
เตรียม
ดิน
ให้
ลึก 30-40 เซนติเมตร ถ้า
ใช้เครื่องทุ่น
แรง
หรือ
รถ
ไถ 2-3 ครั้ง โดย
ไถ
กลบ
ดิน
ไป
มา
และ
ตาก
ดิน
ให้
แห้ง 3-4 อาทิตย์ แล้ว
ย่อย
ดิน
ให้
ละเอียด
พอ
ควร อย่า
ให้
ละเอียด
มาก
เกิน
ไป เพราะ
มะเขือ
เทศ
ต้อง
การ
สภาพ
ดิน
ที่
มี
การ
ระบาย
น้ำ
และ
ถ่าย
เท
อากาศ
ได้ ถ้า
หาก
ดิน
เป็น
กรด
ให้
ใช้
ปูน
ขาว
หว่าน
ใน
อัตรา
ตาม
ที่
ได้
รับ
คำ
แนะ
นำ
จาก
การ
วิเคราะห์
ดินหร
ือหาก
ไม่
ได้
ส่ง
ดิน
ไป
วิเคราะห์
จะ
หว่าน
ปูน
ประมาณ 100-300 กิโลกรัม
ต่อ
ไร่ โดย
ใช้
ปูน
ขาว
หว่าน
และ
คลุก
เคล้ากับดิน
หรือ
อาจ
จะ
หว่าน
ก่อน
การ
เตรียม
ดิน
ครั้ง
สุด
ท้าย แต่
อย่าง
ไร
ก็
ตาม
ควร
ใส่
ปูน
ขาว
ก่อน
ปลูก 2-3 อาทิตย์
ทำ
ได้ 2 วิธี คือ
1. กระบะ
เพาะ
นิยม
ใช้
ใน
กรณี
ที่
ต้อง
การ
ต้น
กล้า
จำนวน
ไม่
มาก
นัก การ
เพาะ
กล้า
โดย
วิธี
นี้
จะ
สามารถ
เพาะ
ได้
ดี
เนื่อง
จาก
ใช้
ดิน
จำนวน
น้อย
สามารถ
นำ
ดิน
มา
อบ
ฆ่า
เชื้อ
โรค
ก่อน
ทำ
การ
เพาะ
ได้ สาร
เคมี
ที่
ใช้
ใน
การ
อบ
ดิน
ได้
แก่ เมทิลโบรโมด์ คลอ
โรพิคริน หรือ
จะ
ใช้เมอร์คิว
ริคคลอ
ไรด์ ใน
อัตรา 1 ส่วน ต่อ
น้ำ 2,000 ส่วน นำ
ไป
รด
ดิน
ที่
จะ
เพาะ แล้ว
ทิ้ง
ไว้ 2 อาทิตย์
ก่อน
เพาะ แต่
ถ้า
หาก
ไม่
สามารถ
จะ
ทำ
ได้
ก็
ใช้
วิธี
นำ
ดิน
ไป
อบ
ด้วย
ไอ
น้ำ
ร้อน หรือ
ตาก
ดิน
ที่
จะ
ใช้
เพาะ
ให้
ดี
ก่อน
ประมาณ 3-4 อาทิตย์ หรือ
เลือก
ดิน
ที่
ปราศ
จาก
โรค
มา
เป็น
ส่วน
ผสม โดย
สังเกต
ว่า
ดิน
นั้น
ปลูก
พืช
แล้ว
พืช
ไม่
เคย
เป็น
เคย
เป็น
โรค
มา
ก่อน หรือ
เป็น
ดิน
ที่
ไม่
เคย
ปลูก
พืช
มา
ก่อน
ก็
ใช้
ได้
กระบะ
ที่
ใช้
เพาะ
เมล็ด
ควร
มี
ขนาด
ประมาณ 45 x 60 เซนติเมตร (หรือ
ภาชนะ
ที่
พอ
จะ
หา
ได้) ลึก
ไม่
เกิน 10 เซนติเมตร มี
รู
ระบาย
น้ำ
ได้
ใส่
ดิน
ที่
ร่อน
แล้ว 3 ส่วน ปุ๋ย
คอก 1 ส่วน ทราย
หรือ
แกลบ 1 ส่วน
คลุก
เคล้า
ให้
เข้า
กัน
ปรับ
ผิว
หน้า
ดิน
ให้
เรียบ แล้ว
โรย
เมล็ด
เป็น
แถว
โดย
การ
ใช้
ไม้
ทาบ
เป็น
ร่อง
เล็ก ๆ ระยะ
ห่าง
กัน
ระหว่าง
แถว
ประมาณ 5-7 เซนติเมตร แล้ว
กลบ
เมล็ด
ด้วย
แกลบ
หรือ
ทราย
บาง ๆ แล้ว
รด
น้ำ
ให้
ชุ่ม
ใช้
สาร
เคมี
ฆ่า
แมลง
ผสม
น้ำ
รด
อีก
ที
หนึ่ง เพื่อ
กัน
มด
คาบ
เมล็ด
ไป
กิน เมื่อ
เมล็ด
เริ่ม
งอก
ให้
ใช้
สาร
เคมี
กัน
รา เช่น แคปแทน
หรือ
แมน
เซทดี อัตรา 4 ช้อน
แกง
ต่อ
น้ำ 1 ปี๊บ
รด 1 ครั้ง เมื่อ
กล้า
อายุ
ได้ 15 วัน หรือ
มี
ใบ
จริง 2 ใบ ให้
ย้าย
กล้า
ลง
ใส่
ถุง
พลาสติก
ขนาด 4 x 6 นิ้ว ซึ่ง
บรรจุ
ดิน
ผสม
อยู่
เมื่อ
กล้า
สูง
ประมาณ 1 คืบ
หรือ
มี
อายุ 30-40 วัน
จึง
ทำ
การ
ย้าย
กล้า
ลง
แปลง
ปลูก โดย
ใช้
มีด
กรีด
ถุง
พลาสติก
ให้
ขาด
เพื่อ
ไม่
ให้
ราก
กระ
ทบ
กระเทือน
ก่อน
ที่
จะ
ย้าย 2-3 วัน อาจ
ใช้
โปแตสเซี่
ยม
คลอ
ไรด์อัตรา 2 ช้อน
แกง
ต่อ
น้ำ 1 ปี๊บ รด
เพื่อ
ให้
ต้น
กล้า
แข็ง
แรง
แต่
ก่อน
ย้าย
กล้า
ควร
งด
ให้
น้ำ 1 วัน เพื่อ
ให้
ดิน
ใน
ถุง
จับ
ตัว
แน่น จะ
สะดวก
ต่อ
การ
ย้าย
กล้า
มาก อย่าง
ไร
ก็
ตาม
เมื่อ
กล้า
มี
ใบ
จริง 2-3 ใบ หาก
ไม่
ย้าย
กล้า
ลง
ถุง
พลาสติก
ก็
ควร
ชำ
ต้น
กล้า
ให้
เป็น
แถว
ใน
แปลง
ชำ
ซึ่ง
เตรียม
ดิน
ให้
ร่วนซ
ุยโดย
การ
ใส่
ปุ๋ย
คอก
อัตรา 5-7 กิโลกรัม
ต่อ 1 ตา
ราง
เมตร ขนาด
แปลง
ชำ
กว้าง 1 เมตร ความ
ยาว
แล้ว
แต่
พื้น
ที่
และ
ปริมาณ
ของ
ต้น
กล้า ระยะ
ปลูก
ระหว่าง
แถว 10 เซนติเมตร ระหว่าง
ต้น 10 เซนติเมตร และ
เมื่อ
กล้า
สูง
ประมาณ 1 คืบ หรือ
มี
อายุ 30-35 วัน ก็
ย้าย
ลง
แปลง
ปลูก
จริง โดย
ก่อน
ย้าย
จะ
ต้อง
รด
น้ำ
ใน
แปลง
ชำ
ให้
ชุ่ม
เสีย
ก่อน เพื่อ
ความ
สะดวก
ใน
การ
ถอน
ต้น
กล้า และ
ราก
ต้น
กล้า
จะ
ไม่
ขาด
และ
กระ
ทบ
กระเทือน
มาก
2. แปลง
เพาะ
นิยม
ใช้
ใน
กรณี
ที่
ต้อง
การ
ต้น
กล้า
เป็น
จำนวน
มาก สำหรับ
ขนาด
แปลง
เพาะ
ก็
เช่น
เดียวกับแปลง
ชำ คือ
ขนาด
กว้าง 1 เมตร ความ
ยาว
แล้ว
แต่
พื้น
ที่
หรือ
ปริมาณ
กล้า
ที่
ต้อง
การ ทางเดิน
ระหว่าง
แปลง 50 เซนติเมตร ผสม
ดิน
ด้วย
ปุ๋ย
คอก
และ
ทราย
ตาม
อัตรา
ส่วน 3: 1 เช่น
กัน ทำ
การ
เพาะ
เมล็ด
โดย
โรย
เมล็ด
เป็น
แถว
ห่าง
กัน 10 เซนติเมตร เมื่อ
กล้า
มี
อายุ 20-25 วัน หรือ
มี
ใบ
จริง 2-3 ใบ ก็
สามารถ
ย้าย
ลง
แปลง
ปลูก
ได้ แปลง
เพาะ
ควร
มี
ตา
ข่าย หรือ
ผ้า
ดิบ
คลุม
แปลง
เพื่อ
ป้อง
กัน
แดด ลม และ
ฝน ซึ่ง
จะ
ก่อ
ให้
เกิด
อันตราย
แก่
ต้น
อ่อน
ให้
ถึง
ตาย
หรือ
เกิด
โรค
ได้ ถ้า
จะ
ให้
ได้
ผล
ดี
ควร
เปิด
ให้
รับ
แสง
แดด
ถึง 3 โมง
เช้า
และ
เปิด
อีก
ครั้ง
เมื่อ 4 โมง
เย็น ใน
กรณี
ที่
หา
วัสดุ
หรือ
ผ้า
คลุม
แปลง
ไม่
ได้
และ
ไม่
ใช่
ฤดู
ฝน อาจ
จะ
ใช้
ฟาง
ข้าว
ใหม่
มา
คลุม
บาง ๆ หลัง
จาก
โรย
เมล็ด
และ
กลบ
ดิน
เรียบ
ร้อย
แล้ว เมื่อ
เมล็ด
งอก
แล้ว
ค่อย ๆ ดึง
เอา
ฟาง
ออก
บ้าง
เพื่อ
ให้
ต้น
กล้า
โผล่
พ้น
ฟาง
ได้
ง่ายและ
ต้น
กล้า
จะ
ได้
แข็ง
แรง เนื่อง
จาก
เมล็ด
พันธุ์
มะเขือ
เทศ
นั้น
มี
ราคา
แพง ดัง
นั้น ก่อน
จะ
เพาะ
กล้า ควร
จะ
ได้
ทด
ลอง
หา
ความ
งอก
ของ
เมล็ด
เสีย
ก่อน
ว่า
มี
ความ
งอก
เท่า
ไร (กี่
เปอร์เซ็นต์) โดย
ใช้
วิธี
เพาะ
เมล็ด
ใน
กระดาษ
เพาะ
เมล็ด
โดย
ตรง
หรือ
ถ้า
ไม่
มี
ก็
ใช้
กระดาษ
ฟาง
ชื้น หรือ
ใน
กระบะ
ทราย
ก็
ได้
โดย
ใช้
เมล็ด 100 เมล็ด หลัง
จาก
เพาะ
ได้ 10-15 วัน นับ
จำนวน
ต้น
ที่
งอก
เป็น
เปอร์เซ็นต์
ความ
งอก
ของ
เมล็ด
แปลง
ปลูก
ควร
ไถ
พรวน
และ
ปรับ
ระดับ
ดิน
ให้
เรียบ
สม่ำเสมอ
กัน
แล้ว
ยก
แปลง
ให้
สูง
ประมาณ 30 เซนติเมตร กว้าง 100 เซนติเมตร ปลูก
เป็น
แถว
คู่
ระยะ
ระหว่าง
แถว 70 เซนติเมตร ระหว่าง
ต้น 50 เซนติเมตร รอง
ก้น
หลุม
ปลูก
ด้วย
ปุ๋ย
คอก
หนึ่ง
กระป๋อง
นม
ต่อ
หลุม ปุ๋ย
สูตร 15-15-15 อัตรา 1 กรัม
ต่อ
ต้น คลุก
เคล้า
ให้
เข้า
กัน
แล้ว
จึง
ย้าย
กล้า
ลง
หลุม
ปลูก
หลุม
ละ 1-2 ต้น กลบ
ดิน
ให้
เสมอ
ระดับ
ผิว
ดิน
อย่า
ให้
เป็น
แอ่ง
หรือ
เป็น
หลุม เพราะ
จะ
ทำ
ให้
น้ำ
ขัง
และ
ต้น
กล้า
เน่า
ตาย
ได้ ถ้า
ปลูก
ขณะ
ที่
ฤดู
ฝน
ยัง
ไม่
สิ้น
สุด แต่
ถ้า
ปลูก
ใน
ฤดู
หนาว
หรือ
ฤดู
แล้ง
ควร
จะ
กลบ
ดิน
ให้
ต่ำ
กว่า
ระดับ
หลุม
เล็ก
น้อย
สำหรับ
การ
ย้าย
กล้า
ลง
แปลง
ปลูก
นี้
ต้อง
เลือก
ต้น
กล้า
ที่
มี
ลักษณะ
ดี มี
ยอด
และ
ปราศ
จาก
โรค
และ
แมลง
รบ
กวน ถ้า
เป็น
การ
ย้าย
กล้า
จาก
แปลง
เพาะ
หรือ
แปลง
ชำ
มา
ลง
ปลูก
โดย
ตรง ควร
ย้าย
ปลูก
ใน
เวลา
ที่
อากาศ
ไม่
ร้อน
คือ
ใน
ตอน
บ่าย
หรือ
ตอน
เย็น เมื่อ
ย้าย
เสร็จ
ให้
รีบ
รด
น้ำ
ตาม
ทัน
ที
จะ
ทำ
ให้
กล้า
ตั้ง
ตัว
ได้
เร็ว
ขึ้น และ
เปอร์เซ็นต์
การ
ตาย
น้อย
ลง แต่
ถ้า
เป็น
การ
ย้าย
กล้า
ที่
ชำ
ใน
ถุง
พลาสติก สามารถ
ย้าย
ลง
แปลง
ได้
ทุก
เวลา กล้า
จะ
ตั้ง
ตัว
ได้
เร็ว
และ
รอด
ตาย
เกือบ 100 เปอร์เซ็นต์
หลัง
จาก
ย้าย
กล้า
แล้ว
รด
น้ำ
กล้า
ให้
ชุ่ม
ทุก
เช้า
-เย็น เมื่อ
กล้า
ตั้ง
ตัว
ดี
แล้ว จึง
ควร
รด
น้ำ
เพียง
วัน
ละ
ครั้ง
ใน
บาง
แห่งอาจ
จะ
ให้
น้ำ
แบบ
เข้า
ตาม
ร่อง
แปลง
จน
ชุ่ม
แล้ว ปล่อย
น้ำ
ออก วิธี
นี้
สามารถ
จะ
ทำ
ให้
มะเขือ
เทศ
ได้
รับ
น้ำ
อย่าง
เต็ม
ที่
และ
อยู่
ได้
ถึง 7-10 วัน
เมื่อ
ต้น
กล้า
ตั้ง
ตัว
ได้
แล้ว
ควร
พรวน
ดิน
กลบ
โคน
ต้น โดย
เปิด
เป็น
ร่อง
ระหว่าง
แถว เพื่อ
ให้
การ
ให้
น้ำ
ทำ
ได้
สะดวก น้ำ
ไม่
ขัง และ
ทำ
ให้
ราก
มะเขือ
เทศ
เกิด
มาก
ขึ้น ซึ่ง
จะ
ทำ
ให้
ต้น
แข็ง
แรง
มาก
ขึ้น และ
การ
พรวน
ดิน
กลบ
โคน
ก็
เป็น
การ
กำจัด
วัช
พืช
ไป
ใน
ตัว
ด้วย หลัง
จาก
พรวน
ดิน
กลบ
โคน
ครั้ง
แรก
แล้ว หลัง
จาก
นั้น
อีก 1 เดือน
ให้
ทำ
การก
ลบ
โคน
อีก
ครั้ง
หนึ่ง
มะเขือ
เทศ
ต้อง
การ
น้ำ
สม่ำเสมอ ตั้ง
แต่
เริ่ม
ปลูก
ไป
จน
ถึง
ผล
เริ่ม
แก่ (ผล
มี
การ
เปลี่ยน
สี) หลัง
จาก
นั้น
ควร
ลด
การ
ให้
น้ำ
ลง มิ
ฉะนั้น
อาจ
ทำ
ให้
ผล
แตก
ได้ การ
รด
น้ำ
มาก
เกิน
ไป
จะ
ทำ
ให้
ดิน
ชื้น ซึ่ง
ทำ
ให้
เชื้อ
รา
ที่
ทำ
ให้
เกิด
โรค
เน่า
เจริญ
ได้
ดี แต่
หาก
มะเขือ
เทศ
ขาด
น้ำ และ
ให้
น้ำ
อย่าง
กะ
ทัน
หัน
ก็
จะ
ทำ
ให้
ผล
แตก
ได้
เช่น
กัน
นอก
จาก
จะ
ใช้
ปุ๋ย
คอก
และ
ปุ๋ย
เคมี สูตร 15-15-15 รอง
ก้น
หลุม
ก่อน
ปลูก
แล้ว จำ
เป็น
จะ
ต้อง
มี
การ
ใส่
ปุ๋ย
เคมี
เสริม
ด้วย เพื่อ
ให้
คุณภาพ
และ
ผล
ผลิต
ของ
มะเขือ
เทศ
สูง
ขึ้น สำหรับ
ปุ๋ย
เคมี
ที่
จะ
ใช้
ก็
ขึ้น
อยู่กับสภาพ
ของ
ดิน
แต่
ละ
แห่ง เช่น ถ้า
ดิน
เป็น
ดิน
เหนียว ปุ๋ย
เคมี
ที่
ใช้
ควร
มี
ไนโตรเจน
และ
โปแตสเซี่
ยม
เท่า
กัน ส่วน
ฟอสฟอรัส
ให้
มี
อัตรา
สูง เช่น สูตร 12-24-12 หรือ 15-30-15 ถ้า
เป็น
ดิน
ร่วน
ควร
ให้
ปุ๋ย
ที่
มี
โปแตสเซี่
ยม
สูง
ขึ้น แต่
ไม่
สูง
กว่า
ฟอสฟอรัส เช่น
สูตร 10-20-15 ส่วน
ดิน
ทราย
เป็น
ดิน
ที่
ไม่
ค่อย
จะ
มี
โปแตสเซี่
ยม จึง
ควร
ให้
ปุ๋ย
ที่
มี
ธาตุ
โปแตสเซี่
ยม
สูง
กว่า
ตัว
อื่น เช่น
สูตร 15-20-20, 13-13-21 และ 12-12-17 เป็น
ต้น แต่
ถ้า
เป็น
การ
ปลูก
มะเขือ
เทศ
นอก
ฤดู
จะ
ต้อง
ใช้
ปุ๋ย
ที่
มี
ธาตุ
ไนโตรเจน
สูง เนื่อง
จาก
มะเขือ
เทศ
จะ
ใช้
ปุ๋ย
ไนโตรเจน
มาก
ถ้า
หาก
อุณหภูมิ
ของ
อากาศ
สูง แต่
อย่าง
ไร
ก็
ตาม ถ้า
ไม่
สามารถ
หา
ปุ๋ย
สูตร
ดัง
กล่าว
ข้าง
ต้น
ได้
ก็
สามารถ
ใช้
ปุ๋ย
สูตร 15-15-15 ใน
อัตรา 100 กิโลกรัม
ต่อ
ไร่ โดย
การ
แบ่ง
ใส่ 3 ครั้ง ดัง
นี้
ครั้ง
ที่ 1 หลัง
จาก
ย้าย
ปลูก 7 วัน
ครั้ง
ที่ 2 หลัง
จาก
ครั้ง
ที่
หนึ่ง 15 วัน
ครั้ง
ที่ 3 หลัง
จาก
ครั้ง
ที่
สอง 20 วัน
พันธุ์
ที่
ทอด
ยอด
หรือ
พันธุ์
เลื้อย
จำ
เป็น
ต้อง
มี
การ
ปัก
ค้าง
โดย
ใช้
ไม้
หลัก
ปัก
ค้าง
ต้น
ก่อน
ระยะ
ออก
ดอก โดย
ใช้
เชือก
ผูกกับลำ
ต้น
ให้
ไขว้
กัน
เป็น
เลข 8 และ
ผูก
เงื่อน
กระตุกกับค้าง
เพื่อ
ให้
ต้น
เจริญ
เติบ
โต
ได้
ดี สะดวก
ต่อ
การ
ดู
แล
รักษา ฉีด
สาร
ป้อง
กัน
แมลง
ได้
ทั่ว
ถึง ผล
ไม่
สัมผัส
ดิน ทำ
ให้
ผล
สะอาด
และ
สะดวก
ต่อ
การ
เก็บ
เกี่ยว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น
บทความใหม่กว่า
บทความที่เก่ากว่า
หน้าแรก
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น