หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

การเลี้ยงแมว


:: อาหารลูกแมว ::
ควรให้ลูกแมวอยู่กินนมแม่ไปตลอดจนกว่าจะหย่านมไปเอง ไม่ควรให้ลูกแมวหย่านมเมื่ออายุต่ำกว่า 45 วัน เพราะจะทำให้สุขภาพของแมวไม่สมบูรณ์ในภายหลังได้ อย่างไรก็ตามหลังจากหย่านมยังเป็นอาหารที่สำคัญและจำเป็นต่อลูกแมวอยู่จน กว่าอายุจะเ
ยเก้าเดือนไปแล้ว อาหารอย่างอื่นจึงจะสำคัญและจำเป็นกว่า แต่ควรให้แมวกินนมวันละครั้งหรือเป็นครั้งคราว และต้องคอยสังเกตว่าแมวมีอาการท้องร่วงท้องเสียจากการกินนมหรือไม่ ถ้ามีควรงด ลูกแมวอายุประมาณ 3 เดือนควรตั้งต้นให้กินอาหารเนื้อได้แล้ว แต่ควรเป็นเนื้อที่สับละเอียดและให้เพียงเล็กน้อย ลูกแมวอายุ 5 ถึง 7 อาทิตย์แล้วแม่แมวให้นมลูกควรจัดให้กินวันละ 4 มื้อ พออายุ 7 ถึง 12 อาทิตย์ลดลงเหลือ 3 มื้อ ถ้าลูกแมวกำพร้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ยังไม่หย่านม ต้องการการดูแลอย่างใกล้ชิด หากไม่สามารถนำไปให้กินนมแม่แมวตัวอื่นได้ก็ต้องชงนมให้กินแทนนมแม่ ซึ่งควรระวังเกี่ยวกับความสะอาดและคุณภาพของนมเป็นสิ่งสำคัญ เพราะอาจทำให้ลูกแมวเกิดติดเชื้อจากนมที่สกปรกนมบูด ทำให้ท้องร่วงถึงตายได้ นมที่ใช้เลี้ยงลูกแมวกำพร้าอาจใช้นมผงเลี้ยงทารก นมวัวสด หรือนมสดยู.เอช.ที ผสมน้ำและวิตามิน นำมาอุ่นอุณหภูมิประมาณ 98-100 องศาฟาเรนไฮท์ หรือ อังพออุ่นมือจับได้กรอกใส่ขวดยางป้อนลูกแมว
:: อาหารแมวโต ::
ลูก แมวที่กำลังโตหรือหย่านมแล้วผู้เลี้ยงสามารถจัดอาหารให้กินน้อยลงได้ คือให้วันละ 3 มื้อเท่า ๆ กับคนและเมื่อโตเต็มที่เป็นแมวหนุ่มที่อาจลดจำนวนอาหารเหลือเพียง 2 มื้อ คือเช้าและเย็นก็พอ ที่สำคัญคือควรฝึกให้แมวกินอาหารเป็นเวลา ไม่ควรทิ้งอาหารไว้ในจานให้แมวกินตลอดทั้งวัน เพราะเป็นการเสียนิสัย อาหารอาจมีแมลงวันตอมนำเชื้อโรคมาให้ หรืออาหารบูดเสีย ทำให้แมวท้องร่วงได้

:: อาหารแมวท้อง ::
อาหารที่ใช้เลี้ยงแมวกำลังตั้งท้องนั้นจะ ต้องมีคุณภาพสูง โปรตีนมาก ไขมันน้อย ขนาดและปริมาณที่ใช้ใน 5 ถึง 6 อาทิตย์แรกของการตั้งท้องพอ ๆ กับใช้เลี้ยงดูแมวโตเต็มวัยประจำวัน แต่จะเพิ่มปริมาณอาหารให้มากขึ้นตามน้ำหนักตัวแมวในระยะ 3 อาทิตย์สุดท้ายก่อนคลอด คือเพิ่มอาหารให้ปริมาณ 10 ถึง 20 เปอร์เซ็นต์ ก่อนคลอด 1 ถึง 2 วัน แม่แมวบางตัวมักไม่ค่อยกินอาหารหรือไม่กินเลยเพราะมัวตั้งหน้าตั้งตาหาสถาน ที่หรือกั
วลอยู่กับลังคลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่แมวสาวท้องแรกแต่ถือเป็นเรื่องปกติ หลังคลอดลูกแล้วก็จะกินอาหารเอง ข้อพึงระวังคืออย่าขุนจนแมวอ้วนเกินไปทำให้คลอดลำบาก หรือคุมอาหารเสียจนผอมไปไม่มีแรงเบ่งในการคลอด หลังจากคลอดแล้ว แม่แมวก็กลายเป็นแมวแม่ลูกอ่อน ซึ่งอาหารที่ใช้เลี้ยงแมวในช่วงนี้ไม่ได้ให้เฉพาะแต่แม่เท่านั้น มันต้องถ่ายทอดไปยังลูกแมวด้วยโดยการเปลี่ยนเป็นน้ำนม ฉะนั้นปริมาณอาหารที่แม่แมวกินจะต้องมีปริมาณเพียงพอเหมือนช่วงตั้งท้อง

:: อาหารแมวแก่ ::
แมว แก่แมวสูงอายุ ร่างกายย่อมต้องการพลังงานน้อยลงจึงไม่ต้องการอาหารมากนัก เพราะถ้ากินมากก็รังแต่ละทำให้มีน้ำหนักตัวมากหรืออ้วนเกินไป ซึ่งควรให้อาหารน้อยลง โดยหลักการแล้วอาหารสำหรับแมวแก่ต้องย่อยง่าย วิตามิน เนื้อที่ไม่มีผังผืด อาหารที่ไม่มีไขมันหรือน้ำตาลที่จะทำให้อ้วน พวกแป้ง วิตามิน รวมทั้งแร่ธาตุต่าง ๆ เพื่อบำรุงร่างกายปริมาณที่ให้ก็ไม่ควรมากเกินไป เพราะแมววัยนี้แล้วไม่กกระฉับกระเฉง การวิ่งเล่นออกกำลังกายย่อมน้อยลงตามอายุ กินกินนอนนอนไม่ได้ใช้พลังงานมากนัก ระบบย่อยอาหารและขับถ่ายเริ่มย่อนประสิทธิภาพ ฉะนั้นอาหารที่กินเข้าไปมาก ๆ นอกจากจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แล้วยังทำให้เกิดโทษ เช่น แน่นท้องและท้องอืดได้

:: ชนิดของอาหาร ::
การเลี้ยงแมวตามบ้าน คนส่วนใหญ่ ซึ่งเจ้าของมีฐานะความเป็นอยู่แบบไทย ๆ ทำให้แมวเป็นสัตว์ที่กินง่าย เจ้าของแมวส่วนมากมักเลี้ยงแมวด้วยอาหารในครัว อาจเป็นปลาคลุกกับข้าว หรือไข่ต้มหรือน้ำแกงจืด ซึ่งแมวก็อยู่ได้ แต่ถ้าเลี้ยงกันดีเป็นพิเศษหรือเข้าอกเข้าใจแมว อาจมีการเสริมอาหารประเภทเนื้อ นม เสริมให้กิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าของที่มีฐานะดีหรือเลี้ยงแมวตามหลักการ อาหารการกินก็เปลี่ยนไปเป็นอาหารคุณภาพ ซึ่งก็เป็นผลดีแก่ตัวแมวและเจ้าของดังที่ได้กล่าวมาแล้ว สำหรับชนิดของอาหารแมวนั้น สามารถแบ่งออกได้ 3-4 ประเภท ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่เราซื้อหามาปรุงเอง อาหารสำเร็จหรืออาหารสำเร็จรูป ซึ่งอาหารเหล่านี้ก็แตกต่างกันไปในแง่ของรสชาติ คุณภาพ ราคาและคุณค่าของอาหาร ผู้เลี้ยงสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม

:: อาหารปรุงเอง ::
การ ปรุงอาหารขึ้นเองสำหรับให้แมวกินตามบ้านเป็นเรื่องปกติสำหรับการเลี้ยวแมว ทั่ว ๆ ไป แต่ถ้าต้องการให้อาหารถูกส่วนถูกกับความต้องการของแมวโดยซื้อมาปรุงให้ตามสุ ตร ต้องเข้าใจถึงหลักโภชนาการมาก่อนจึงทำได้เพราะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยาก และค่อนข
างละเอียด เราะต้องคำนวณทั้งอัตราส่วนและปริมาณของสารอาหารที่เหมาะสมตรงตามความต้องการของแมวใ
แต่ ละวัย นอกจากนี้อาหารที่ปรุงเองก็ยังมีรสชาติไม่แน่นอน เช่น เค็มหรือหวาน รสชาติอาจไม่ถูกปากแมว อาจจะมีไขมันมาก ถ้าใส่ข้าวมากก็จะขาดวิตามิน ถ้าใส่เนื้อมากเกินไปก็จะได้รับโปรตีนเกินความจำเป็น ทำให้ย่อยยากกระเพาะต้องทำงานหนัก สิ่งเหล่านี้ต้องคำนึง

:: อาหารสด ::
เป็น อาหารผสมเสร็จ มักพบในตู้แช่แข็งตามซุปเปอร์มาร์เก็ต อาหารสดผสมเสร็จนี้บางชนิดก็มีคุณค่าทางอาหารครบ แต่บางชนิดก็ไม่ครบ เวลาที่จะให้แมวต้องปรุงให้สุกเสียก่อน ราคาจะถูกกว่าอาหารสำเร็จรูปชนิดอื่นเล็กน้อย แต่มีข้อเสียคือต้องเก็บไว้ในช่องแช่แข็งตลอดเวลาเพราะเป็นอาหารสดจึงเสีย ง่าย ต้องซื้อบ่อย ๆ และนอกจากนี้อาหารผสมเสร็จยังมีคุณค่าทางอาหารน้อยกว่าอาหารสำเร็จรูป

:: อาหารสำเร็จรูป ::
เป็นอาหารชาวเมืองที่มีจำหน่ายอย่างแพร่หลายทั่วไปเหมาะสำหรับคนที่มีเงินแต่ไม่มีเว
าเพราะ สะดวกใช้ง่าย ประหยัดเวลา ทั่วไปแล้วก็เป็นอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน ไม่ต้องกังวลเรื่องสัดส่วนอาหารเหมือนอาหารสด สะดวกอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาจัดเตรียมอาหารให้แมวทุก ๆ วัน อาหารสำเร็จรูปมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือ แบบเป็นเม็ดและแบบเปียก แบบเป็นเม็ดหรืออาหารแห้ง จะมีลักษณะเป็นเม็ดกลมประกอบด้วยธาตุอาหาร และวิตามินแร่ธาตุต่าง ๆ ที่แมวต้องการอย่างเหมาะสม ส่วนประกอบของอาหารเม็ดโดยมากก็มาจากเนื้อสัตว์ เพียงแต่เอามาแปรรูปผ่านกระบวนการบดและอบแห้ง มีคุณค่าของโปรตีนประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอัตราส่วนที่เหมาะสมและเพียงพอต่อความต้องการของแมวในการนำไปใช้สร้าง ความเจริญเ
ิบโต นอกจากนี้ก็ยังมีส่วนประกอบของไขมันที่ช่วยสร้างพลังงานและความอบอุ่นให้แก่ ร่างกาย มีวิตามินที่ช่วยให้แมวมันมีขนยาวสวยได้ ที่พิเศษก็คือมีไฟเบอร์ที่จะช่วยให้แมวท้องไม่ผูก อาหารแห้งสามารถซื้อเก็บไว้ได้คราวละมาก ๆ เพราะไม่บูดเสีย สามารถทิ้งไว้ให้แมวกินได้ตลอดทั้งวันเมื่อมีความจำเป็นต้องออกไปนอกบ้าน นอกจากนี้อาหารแห้งยังมีประโยชน์ช่วยขัดฟันของแมวให้สะอาด เพราะเป็นเม็ดกรอบและการเคี้ยวอาหารแห้งก็เป็นการบริหารเหงือกให้แข็งแรงอีก ด้วย การให้แมวกินอาหารแห้ง ทางที่ดีควรหัดให้กินตั้งแต่เล็ก ๆ หลังอย่านมใหม่ ๆ หรือประมาณ 2 เดือน โดยผสมอาหารแห้งในน้ำนม เมื่อโตได้ประมาณ 3 เดือนจึงให้กินอาหารแห้งล้วนๆ เพียงอย่างเดียว แต่สำหรับแมวที่ไม่เคยกินอาหารแห้งมาก่อน การเปลี่ยนมาให้กินอาหารแห้งโดยฉับพลันทันทีทันใดก็ทำให้ท้องเสียได้ เพราะระบบย่อยของแมวนั้นอ่อนไหวและผิดปกติได้ง่ายมาก ฉะนั้นอาจค่อย ๆ เปลี่ยนโดยเอาหารแห้งงคลุกผสมกับอาหารเดิมที่เคยกินที่ละน้อยก่อน หรืออาจผสมอาหารแห้งในน้ำ นม หรือน้ำแกง เพื่อให้อาหารเม็ดนิ่มขึ้น เมื่อแมวเริ่มชินแล้วจึงเปลี่ยนมาเป็นอาหารแห้งเพียงอย่างเดียว ประการสุดท้ายสำหรับการเลี้ยงแมวด้วยอาหารแห้งก็คือ อย่าลืมว่าอาหารแห้งนั้นมีน้ำเป็นส่วนประกอบไม่เกิน 10 เปอร์เซนต์เท่านั้น เมื่อแมวกินอาหารแห้งจะกลืนไม่ค่อยสะดวกทำให้คอแห้งหิวน้ำ ดังนั้นควรจะมีถ้วยใส่น้ำสะอาดตั้งไว้ข้างชามอาหารเพื่อให้แมวกินได้ทุก เมื่อที่ต้อง
าร สำหรับอาหารสำเร็จรูปอีกชนิดหนึ่งที่จะขอกล่าวคือ อาหารเปียกหรือที่เรียกกันอีกอย่างหนึ่งว่า อาหารกระป๋อง แมวมักจะชอบอาหารเปียกมากกว่าอาหารแห้ง เพราะอาหารเปียกมีลักษณะใกล้เคียงกับอาหารที่เราปรุงเอง คือมีความเป็นน้ำและเนื้อนุ่ม แมวชอบกินของดิบ เนื้อปลาและอาหารทะเล เช่น กุ้ง ปู หอย แต่อาหารทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นปลา เนื้อ เครื่องในสัตว์ควรทำให้สุกก่อนเพื่อป้องกันโรคพยาธิ ส่วนปลาควรแกะก้างออกเพราะก้างปลาอาจจะเข้าไปตำเหงือกติดคอแมวได้ กระดูกที่แตกหักง่ายเช่น กระดูกไก่ ไม่ควรให้แมวแทะกิน ข้าวที่ใช้คลุกกับอาหารอื่น ๆ ควรเป็นข้าวสวยและร่วนกำลังดี แมวไม่ชอบข้าวแฉะเพราะมักติดเหงือกติดฟันทำให้กินยาก การคลุกข้าวกับอาหารอื่น เช่น เนื้อ ปลาและไข่ ก็ควรผสมให้เข้ากันดีมิฉะนั้นแมวจะเลือกกินเฉพาะเนื้อหรือปลาเท่านั้น อาหารที่ต้องหลีกเลี่ยงก็คืออาหารที่มันและเค็มจัด ซึ่งจะทำให้แมวท้องเสีย นอกจากนี้อาหารที่ให้แมวกินควรอุ่น ๆ เพราะแมวไม่ชอบอาหารที่เย็น ชาวไทยเรานิยมให้อาหารแมววันละ 2 มื้อเช้าเย็นได้ผลดีกว่าการให้มื้อเดียว เพราะการให้เพียงมื้อเดียวแมวจะกินจนเต็มกระเพาะมีผลทำให้อาเจียน อาหารที่ใช้เลี้ยงแบบชาวบ้านทั่ว ๆ ไป ส่วนมากเลี้ยงด้วยปลาย่างหรือปลาสุกคลุกกับข้าวร่วน ๆ จะใช้ปลาอะไรก็ได้ที่ราคาไม่แพงนัก แต่ถ้าจะเลี้ยงให้แมวมีสุขภาพสมบูรณ์ไม่อ่อนแอขี้โรคก็ควรเพิ่ม เนื้อ นม ไข่ ลงไปด้วย การให้อาหารปลาเป็นประจำอาจทำให้แมวเกิดนิ่วที่ระบบปัสสาวะ สลับกับกุ้ง ปู เนื้อสัตว์ต่าง ๆ เพื่อป้องการการเพื่ออาหาร สำหรับเนื้อก็ไม่จำเป็นต้องให้เนื้อดีนัก ซื้อเนื้อราคาถูก ๆ ที่บดเสร็จแล้วจะสะดวกที่สุด ก่อนผสมกับข้าวควรลวกด้วยน้ำร้อนจัด ๆ สักครู่ ถ้าเป็นไข่ต้มให้กินมื้อละครึ่งฟองก็พอ แมวแต่ละตัวกินอาหารไม่เท่ากัน ผู้เลี้ยงควรสังเกตนิสัยการกินของแมวเป็นรายตัวไป ตัวไหนกินจุก็ให้มากกว่าตัวอื่น แต่ไม่ควรให้แมวกินอิ่มจนเกินไปเพราะจะทำให้กระเพาะทำงานหนัก อาหารไม่ย่อย การอยากกินอาหารของแมวขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อมในขณะนั้นด้วย โดยเฉพาะแสงสว่างและเสียงอึกทึกมากหรือน้อย มีคนอยู่ด้วยหรือไม่ จานใส่อาหารสะอาดหรือสกปรก มีแมวตัวอื่นอยู่ด้วยหรือไม่ และชนิดของอาหารที่ชอบ ถ้าจะมีแมวบางตัวเกิดมีนิสัยพิถีพิถันหรือนัยหนึ่งจู้จี้จุกจิก จะดมหรือตรวจดูอาหารอย่างพินิจพิเคราะห์ถ้าหากเป็นอาหารแปลกหรือยู่ในข้อ สงสัย ในขณะเดียวกันนั้นก็กินอย่างตะกละมูมมามโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าเป็นอาหารที่ อร่อยและเค
กินอยู่แล้ว ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับแมว

:: น้ำ ::
แมว ที่มีสุขภาพดีแข็งแรงจะกินน้อยกว่าสุนัขมาก ทั้งนี้อาจเป็นเพราะแมวมีกำเนิดมาจากทะเลทราย แมวบางตัวอาจไม่กินอาหารหรือน้ำได้นานนับเดือนได้อย่างน่าอัศจรรย์ แต่ทางที่ดีแล้วเจ้าของควรจัดหาน้ำสะอาดทิ้งไว้ให้แมวกินได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะถ้าเลี้ยงแมวด้วยอาหารแห้ง รวมทั้งภาชนะที่ใส่อาหารต้องได้รับการทำความสะอาดเป็นประจำด้วย

:: อาหารโปรตีนที่ชาวไทยเรานิยมใช้เลี้ยงแมว มีดังต่อไปนี้ ::
เนื้อ ปลาทู โปรตีน 20% เนื้อกระบือ โปรตีน 19.6% เนื้อโค โปรตีน 18.8% เนื้อหมู โปรตีน 14.1% เนื้อไก่ โปรตีน 18% เนื้อเป็ด โปรตีน 16% เนื้อห่าน โปรตีน 16.4% เนื้อกุ้ง โปรตีน 20.8% เนื้อปู โปรตีน 17.2%

:: ตารางการให้อาหารและสูตรอาหารบางสูตรที่สะดวกและง่ายต่อการเตรียมให้แมวกิน ::
มื้อ เช้า เนื้อวัวสับละเอียดคลุกกับข้าวให้กิน ผสมอาหารเสริมวิตามินและแร่ธาตุ นมสดกระป๋องผสมน้ำอุ่น 1 เท่าตัว หรือนมผงละลายน้ำให้กินตามความพอใจ
มื้อกลางวัน ข้าวคลุกปลาหรือเนื้อ
มื้อ เย็น ปลาต้มหรือปลากระป๋อง หรือตับลวกน้ำร้อนสับละเอียดหรือไข่ลวกให้ไข่ขาว สุกแต่ไม่แข็ง 1 ฟอง (ให้ทุกวันหรืออาทิตย์ละ 2 ครั้ง สำหรับลูกแมวอาจให้ไข่นกกระทาเพราะฟองเล็ก) คลุกข้าวผสมอาหารเสริมวิตามินและแร่ธาตุ


......................
:: สุขภาพโดยรวมของแมว ::
วัคซีน สามารถช่วยป้องกันแมวจากโรคติดเชื้อได้ แต่ท่านไม่ควรจะละเลยปัจจัยอื่นที่สำคัญพอ ๆ กัน ในการทำให้แมวของท่านมีสุขภาพดี ได้แก่ เรื่องอาหาร และการควบคุมพยาธิ สัตวแพทย์จะเป็นผู้ช่วยเหลือให้ท่านมั่นใจว่าท่านได้ให้การเลี้ยงดู และป้องกันอย่างดีที่สุดแก่แมวที่ท่านรัก และให้ข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยให้แมวของท่านมีสุขภาพดี และยืนยาว โปรดระลึกไว้เสมอว่า แนวทางการป้องกันโรคเหล่านี้ในแมว ก็คือการนำแมวไปฉีดวัคซีนซึ่งได้ผลมากกว่า 90 % โอกาสจะเกิดโรคจะลดน้อยลงเหลือเพียง 5 - 10 % หรือถ้าเกิดโรคก็จะไม่รุนแรงมากนัก แมวต้องพึ่งพาท่าน ท่านเป็นผู้เดียวที่สามารถให้การดูแลอย่างดีที่สุดแก่เขา โปรดพาเขาไปพบสัตวแพทย์ อย่างสม่ำเสมอ
:: วัคซีนทำงานได้อย่างไร ::
การ ฉีดวัคซีนจะช่วยในการป้องกันโรคแต่ไม่ได้ช่วยในการรักษา ในวัคซีนจะประกอบด้วยเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่มีการเปลี่ยนแปลง จนไม่สามารถก่อโรคได้ เมื่อแมวได้รับวัคซีน ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะผลิตสารที่เรียกว่าภูมิคุ้มกัน ( antibody ) ซึ่งจะมีหน้าที่ต่อต้านเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่ก่อโรคขึ้นเมื่อแมวสัมผัส กับโรคนั
นในเวลาต่อมา ภูมิคุ้มกันเหล่านี้ จะทำลายเชื้อที่ก่อโรคอย่างรวดเร็ว ความสามารถในการป้องกันโรคด้วยการฉีดวัคซีนกระตุ้นเป็นประจำทุกปีและมีการ ตรวจสุขภาพ
มวอย่างสม่ำเสมอ

:: ทำไมลูกแมวจึงจำเป็นต้องฉีดวัคซีนหลายเข็ม::
ลูกแมวที่ยังไม่ได้หย่านมจะได้รับภูมิคุ้มกันจากน้ำนมแม่ที่ช่วยปกป้องลูกแมวจากโรคภ
ยต่าง ๆ ในช่วงเดือน แรก ๆ ของชีวิตแต่ภูมิคุ้มกันจากแม่เหล่านี้จะรบกวนการฉีดวัคซีน ทำให้วัคซีนไม่ได้ผลดี อย่างไรก็ตามภูมิคุ้มกันจากแม่จะค่อย ๆ ลดลงในช่วง 2 - 3 เดือนแรก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องฉีดวัคซีนให้ลูกแมว 2 - 3 ครั้ง ในช่วงอายุ 6 - 16 สัปดาห์ เนื่องจากถ้าภูมิคุ้มกันจากแม่รบกวนการทำวัคซีนเข็มแรก วัคซีนเข็มต่อ ๆ มาจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายลูกแมวผลิตภูมิคุ้มกันตัวเองต่อโรคนั้น ๆ ได้

:: โรคของแมวที่ต้องฉีดวัคซีน ::
แมว แหมียว เป็นสัตว์ที่รักอิสระ มีนิสัยชอบท่องเที่ยว ซึ่งวิถีชีวิตแบบนี้ อาจนำเจ้าเหมียวให้ไปสัมผัสกับสัตว์อื่นๆ ทำให้มีโอกาสติดโรคต่างๆ เพิ่มขึ้นตามไปด้วย มีโรคต่างๆ หลายชนิดที่เมื่อแมวเป็นแล้วมักจะถึงแก่เสียชีวิต ได้แก่โรคมะเร็งเม็ดเลือด ( Feline Leukemia) โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบชนิดติดเชื้อ (Feline Infectious Peritonitis)และโรคพิษสุนัขบ้า ( Rabies ) โรคไข้หัดแมว ( Feline Distemper ) โรคระบบทางเดินหายใจในแมว (Feline Respiratory Disease ) ส่วนโรคอื่นๆก็อาจเป็นอันตรายกับลูกแมว หรือทำให้แมวโตเต็มวัยมีสุขภาพถดถอยได้
ยังนับว่าเป็นโชคดีที่มีวัคซีนเพื่อป้องกันโรคสำคัญๆในแมว วัคซีนจะช่วยปกป้องแมว จากเชื้อไวรัสและแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคต่างๆ

การ ป้องกันจะเป็นหลักประกันว่า ท่าได้ให้คุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดให้กับแมว ของท่านและเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่า การรักษาเมื่อแมวเป็นโรคนั้น การฉีดวัคซีนให้แมวเป็นวิธีที่ดีที่สุด และราคาถูกที่สุดในการป้องกันโรคต่างๆถ้าท่านเลี้ยงแมวโดยไม่รัการฉีดวัคซีน ตามโปรแก
ม แมวของท่านอาจล้มป่วยด้วยโรคที่ร้ายแรง อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ โปรดปรึกษาสัตวแพทย์ ถึงการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคติดต่อในแมว

:: โรคมะเร็งของเม็ดเลือดในแมว ( Feline Leukemia ) ::
โรคลิวคีเมียของแมวเกิดจากเชื้อไวรัส FeLV ซึ่งจะทำลายเซลล์ในระบบการสร้างภูมิคุ้มกันของแมวทำให้แมวไม่สามารถต่อสู้กับการติดเ
ื้อ อื่น ๆ เช่นปอดอักเสบ นอกจากนี้ไวรัสตัวนี้ยังสามารถก่อให้เกิดมะเร็งในประชากรแมวบางส่วนได้ เช่น มะเร็งเม็ดเลือดและมะเร็งต่อมน้ำเหลือง เมื่อมีการติดเชื้อไวรัส FeLV แมวบางตัวสามารถกำจัดเชื้อตัวนี้ไปได้และหายจากโรคนี้ แต่ถ้ามีการติเชื้ออย่างถาวรแมวจะเสียชีวิตได้ แมวที่มีสุขภาพอ่อนแออย่างต่อเนื่องหรือเจ็บป่วยจากการติดเชื้อหรือมีไข้ อาจจะเป็นโรคนี้ได้ ปัจจุบันนี้คุณสามารถป้องกันแมวของคุณจากการติดเชื้อโดยฉีดวัคซีนป้องกันโรค มะเร็งขอ
เม็ดเลือดในแมวสอบถามสัตวแพทย์ของท่านเกี่ยวกับโปรแกรมการ ป้องกันเพื่อสุขภาพที่ดี การฉีดวัคซีนจะเริ่มต้นด้วยการฉีดวัคซีนนี้ 2 เข็ม ห่างกัน 3 สัปดาห์ หลังจากนั้นฉีดซ้ำทุกปี

:: โรคพิษสุนัขบ้า ( Rabies ) ::
โรคนี้เป็นโรคของสัตว์สู่คนที่อันตรายที่สุดและสามารถเกิดขึ้นกับสัตว์เลือดอุ่นทุกช
ิด ( สุนัข แมว ปศุสัตว์ สัตว์ป่า ) จึงจำเป็นต้องแดวัคซีนให้กับสัตว์เลี้ยงของท่านทุกตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งแมวที่มีนิสัยชอบท่องเที่ยวและไม่อยู่ติดบ้าน โรคพิษสุนัขบ้านี้เกิดจากไวรัส ที่ทำลายเนื้อเยื่อระบบประสาท โดยมีระยะฟักตัวของโรคตั้งแต่ 10 วันจนถึงหลาย ๆ เดือน สัตว์ที่ติดเชื้อนี้อาจจะหลีกเลี่ยงการพบปะผู้คน บางตัวอาจแสดงอาการก้าวร้าวผิดปกติ และทำร้ายคน หรือสัตว์เลี้ยงอื่น ๆ เมื่อสัตว์แสดงอาการของโรคแล้วจะจบลงด้วยการเสียชีวิตเสมอ เชื้อไวรัสนี้สามารถแพร่กระจายโดยการกัดหรือสัมผัสน้ำลายของสัตว์ที่ติด เชื้อนี้ ดังนั้นเมื่อแมวที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนไปต่อสู้กับสัตว์ที่ติดเชื้อนี้ หรือแผลจากการต่อสู้ ให้สงสัยไว้ก่อนว่ามีการติดเชื้อโรคนี้ ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้กับแมวเมื่อมีอายุ 12 สัปดาห์ขึ้นไปและฉีดกระตุ้นซ้ำตามคำแนะนำของสัตวแพทย์

:: โรคไข้หัดแมว ( Feline Distemper ) ::
โรค นี้เรียกอีกชื่อหนึ่งว่าโรคลำไส้อักเสบติดเชื้อไวรัสในแมว (Feline Penleukopenia )เป็นโรคที่พบได้ทั่วไปและเกิดในแมวทุกอายุ แมวทุกตัวควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคนี้ เนื่องจากไม่สามารถระวังไม่ให้แมวสัมผัสกับเชื้อโรคนี้ได้ โดยเชื้อนี้จะมีผลกับอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้เกิดอาการไข้ เบื่ออาหาร อาเจียน ท้องเสีย แสดงสภาวะขาดน้ำ อ่อนเพลีย ตัวสั่นและเดินไม่ตรง แมวอาจตายภายในหนึ่งสัปดาห์ ลูกแมวที่เป็นโรคนี้ 3 ใน 4 ตัว จะตาย แมวที่มีอายุเมื่อเป็นโรคนี้ จะมีอัตราการตาย 50 % ดังนั้นควรฉีดวัคซีนให้แมวเพื่อป้องกันโรคนี้ในลูกแมวอายุน้อยกว่า 12 สัปดาห์ ควรฉีดวัคซีนนี้ 2 - 3 ครั้ง ห่างกัน 2 - 3 สัปดาห์

:: โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบชนิดติดเชื้อในแมว (Feline Infection Peritonitis) ::
เกิด จากเชื้อไวรัส ถึงแม้ความเสี่ยงของการติดโรคนี้จะต่ำ แต่แมวที่เป็นโรคนี้จะเสียชีวิตเสมอภายใน 6 เดือนหลังจากเกิดโรค แมวจะมีช่องท้องขยายใหญ่ เนื่องจากมีของเหลวสะสมอยู่ มีไข้ น้ำหนักลด และตาเจ็บ

:: โรคระบบทางเดินหายใจในแมว (Feline Respiratory Disease ) ::
โรค ระบบทางเดินหายใจมักจะแพร่กระจายจากแมวตัวหนึ่งไปอีกตัวหนึ่งได้ง่าย โดยละอองที่ฟุ้งกระจายเมื่อแมวไอ หรือ จาม ลูกแมวที่ป่วยด้วยโรคนี้อาจเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะถ้าเป็นปอดอักเสบ แมวที่ป่วยมักมีน้ำมูก น้ำตาไหล จมูกและปากมีแผล ตาอักเสบ มีไข้ โรคนี้มักมีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสที่เรียกว่า Feline rhinotracheitis และ Feline calicivirus ในกรณีของ Rhinotracheitis จะมีความรุนแรงกว่าและอาจทำให้แมวที่ตั้งท้องเกิดการแท้งได้ แมวควรไดรับการฉีดวัคซีน ซึ่งจะป้องกันโรคจากไวรัสทั้ง 2 ชนิดนี้ได้

:: ควรฉีดวัคซีนชนิดใดให้กับแมว ::
มีวัคซีนป้องกันโรคให้แมวอยู่หลายชนิด ซึ่งโปรแกรมการทำวัคซีนจะมีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ตรงกับความต้องการของตัวสัตว์มีปั
จัยบางอย่างที่สัตวแพทย์ใช้พิจารณา ก่อนที่จะเริ่มทำวัคซีนให้กับแมว

สุขภาพ โดยรวม สัตว์ที่มีสภาวะขาดอาหาร หรือป่วย หรือกำลังให้ยาบางอย่างอยู่ อาจไม่ตอบสนองต่อการทำวัคซีน ดังนั้นจึงต้องตรวจสุขภาพก่อนทำวัคซีน
ความเสี่ยงต่อการสัมผัสโรค วัคซีนป้องกันโรคบางอย่างอาจไม่จำเป็นต้องฉีด ถ้าความเสี่ยงต่อการติดโรคนี้มีน้อย
อายุแมววัคซีนส่วนใหญ่ประสิทธิภาพดี เมื่อให้กับลูกแมวที่หย่านมแล้ว เนื่องจากภูมิคุ้มกันจากแม่อาจไปลบล้างการทำงานของวัคซีนได้
สัตว์ ที่มีพยาธิ ( เช่นพยาธิลำไส้หรือหมัด ) หรือมีการติดเชื้อ อาจไม่ตอบสนองความต่อการทำวัคซีนได้ สัตวแพทย์จะเป็นผู้แนะนำโปรแกรมวัคซีนที่เหมาะสมและช่วยให้แมวของท่านมี สุขภาพดีขึ้น
:: การตัดสินใจทำวัคซีน ::
นอกจากโรคไข้หัดแมว และโรคระบบทางเดินหายใจ ที่มีอัตราการป่วยและตายค่อนข้างสูง โรคติดเชื้ออื่น ๆ ในแมวที่ได้รับการฉีดวัคซีนจะมีอัตราต่ำ เช่น โรคพิษสุนัขบ้า < 1 % โรคเยื่อบุช่องท้องอักเสบชนิดติดเชื้อ น้อยกว่า 1 % และโรคมะเร็งของเม็ดเลือด น้อยกว่า 3% แต่โรคเหล่านี้ในแมวขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างรวมถึงสถานะของแมวที่ท่าน เลี้ยง อยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงต่อการติดโรคสูงขึ้น สัตวแพทย์สามารถแนะนำและให้คำปรึกษากับท่านได้

..................

การปฐมพยาบาล
เจ้าของสัตว์เลี้ยงส่วนมากมักจะทำอะไรไม่ถุกเมื่อเจอเหตุการณ์ร้ายๆที่เกิดขึ้นกับสั
ว์ เสี้ยงของตนอย่าง กะทันหัน ยกตัวอย่างเช่น ถูกรถชน ถูกน้ำร้อนลวก ถูกกระแสไฟฟ้าช๊อต มีแผลเนื่องจากกัดกันหรือตกจากที่ สูง ในอาหารมีก้างปลาหรือเศษกระดูกแตกตำเหงือก แทงลิ้น คาติดอยู่กับซอกฟันรวมทั้งกินยาเบื่อยาพิษ ซึ่งนับว่าเป็น อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้เสมอๆการปฐมพยาบาลก่อนที่จะนำสัตว์เจ็บป่วยไปพบ สัตวแพทย์หร
อโรงพยา บาลสัตว์นั้นถ้าเจ้าของผู้เลี้ยงได้ปฏิบัติปฐมพยาบาลเสียก่อน จะทำได้มากหรือน้อยก็จะเป็นประโยชน์และ จะช่วยชีวิตสัตว์ได้ทั้งสิ้น ที่พบเห็นบ่อยๆมีดังนี้
:: กินยาเบื่อ ::
กรณีนี้เกิดขึ้นกับแมว บ่อยากทีเดียว โดยเฉพาะ ไปกินอาหารที่ใส่ ยาเบื่อหนูหรืออาหารบูดเน่า พืชมีพิษ ฯลฯ อาการที่จะสังเกตก็คือ ลิ้นและปากซีด ชัก อาเจียน น้ำลายฟูมปาก ตัวแข็งเกร็ง ขาทั้งสี่เหยียดหรือย่างเบาๆ แล้วก็เดินโซเซ หมดแรง ถ้าแมวยังมีชีวิตรอด อยู่และปรากฏแน่ชัดว่าถูกยาเบื่อยาพิษแน่นอนแล้วก็ควรจัดการช่วยเหลือโดย เร็วที่สุด หรือสารนั้นที่มีอยู่โดยการทำให้แมวอาเจียนซึ่งค่อนข้างยากแต่ก็ควรลองด ูเช่น ใช้น้ำอุ่นละลายเกลือจนออกรสเค็ม แล้วกรอกใส่ปากจะสามารถกระตุ้นให้อาเจียน สำรอกเศษยาเบื่อออกมาได้ บางครั้งอาจพบคราบยาหรืออาหาร นั้นๆเปื้อนตามรอบๆปากก็ต้องใช้น้ำล้างและเช็ดออกให้สะอาดด้วย ต่อไปจึงทำการดูดซับพิษที่ยังหลงเหลือ ไม่ให้ซึมเข้ากระแสโลหิตต่อไป โดยการใช้สารที่สามารถดูดซับพิษซึ่งหาได้ง่ายเช่น ถ่านและไข่ขาว วิธีทำก็โดย การใช้ถ่านหุงข้าวเล็กน้อยตำให้ละเอียด พร้อมกบเติมน้ำลงไปพอสมควรคนให้เข้ากันดีแล้วป้อนให้แมวกินจนหมด หากใช้ไข่ขาวดิบใช้เพียงหนึ่งผองตึผสม กับน้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ หรือใช้น้ำมันมะกอก กรอกปากจนกว่าจะ อาเจียน หากเป็นไปได้ให้เก็บเศษสิ่งที่แมวอาเจียนออกมา เศษอาหารที่พบเหล่านี้พร้อมไปพบแพทย์ จะช่วยให้ หมอสามารถรู้ว่าสารพิษเหล่านี้คืออะไร จะทำให้การรักษามีประสิทธิภาพดีกว่าการเดาสุ่มโดยไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ หรือข้อมูลได้เลย


.........................
การฝึกแมว
ด้วย นิสัยอิสระและทำทุกอย่างตามใจตัวเอง ทำให้หลายคนคิดว่าแมวเป็นสัตว์ที่ฝึกไม่ได้ แต่จริง ๆ แล้วสามารถฝึกแมวได้เช่นเดียวกับสุนัข ซึ่งก็ควรฝึกแมวตั้งแต่ยังเล็กอยู่
การ ฝึกแมวนั้นก็มีหลักเช่นเดียวกับการฝึกสุนัข ซึ่งได้มาจาการศึกษาพฤติกรรมของสัตว์ที่เรียกว่า "การตอบสนองอย่างมีเงื่อนไข " ตัวอย่างง่าย ๆ ก็คือ " ทำดีมีรางวัลทำผิดโดนลงทัณฑ์ " เมื่อสัตว์ทำถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของคน จะได้รับรางวัลซึ่งอาจเป็นตั้งแต่ คำชม สัมผัส เช่น การลูบหัวไปจนถึงการได้รับของกิน เช่น ขนม อาหาร เป็นต้น เมื่อกระทำผิดคำสั่งอาจถูกดุโดยใช้น้ำเสียงที่หนักแน่นต่างจากปกติ หรือกระตุกเชือกที่คล้องคออยู่ นอกจากนี้อาจลงโทษโดยวิธีอื่น ๆ อีกเช่น การกักบริเวณ โดยใช้วิธีผูก หรือ ขังกรง การตีโดยใช้กระดาษหนังสือม้วนเป็นท่อนตีพอเป็นการเตือนที่บริเวณสะโพก เป็นต้น

:: ฝึกนิสัยการเรียนรู้การอยู่ร่วมกันกับคน ::
ก่อนฝึกแมวในหลักการนี้ผู้เป็นครูต้องมีความรู้เกี่ยวกับนิสัยและพฤติกรรมของแมวนักเ
ียน พอสมควร แมวเป็นสัตว์หน้าซื่อใจคด (หน้าไหว้หลังหลอก) มีทั้งเล่ห์เหลี่ยมและความไร้เดียงสา ซึงต้องการขัดเกลา แมวไม่ซื่อและรักเจ้าของอย่างจริงใจเหมือนกับสุนัข การฝึกจึงต้องใช้ความอดทนที่จะอบรมสั่งสอนด้วยความลำบากใจมากกว่าการเลี้ยง สุนัข แต่ถึงกระนั้นแมวก็ยังเรียนรู้และสามารถฝึกให้มีระเบียบ ว่าง่ายและใช้ประโยชน์ได้ เช่น การเข้าใจกริยาท่าทางของแมวแสดงให้คนรับรู้อารมณ์

เมื่อจะเล่นกับมัน ควรดูท่าทางของมันก่อนว่าในขณะนั้นอารมณ์ดีพอที่จะเล่นด้วยหรือไม่ ถ้าแมวรู้สึกดีใจที่จะได้พบเจ้าของมันจะรีบวิ่งเข้ามาหาและใช้หางพันแข้งพัน ขาแสดงคว
มยินดี หูตั้งตรง ตาขยายกลมโต หนวดกระดิก เหล่านี้ ถ้ามีการหยอกเย้าตอบกลับ ลูบหัวลูบตัวมันก็จะเลียมือตอบรับรู้การสัมผัสแสดงความรักตอบ แต่ถ้ามันโกรธ หูแมวจะพับไปทางด้านข้าง หนวดเหยียดตรงไปทางข้างหน้า แกว่งหางไปมาและเตรียมขาตะปบพร้อมกับใช้เล็บแหลมคมข่วน เจ้าของจึงควรระวังอย่าให้คนในบ้านเล่นกับแมวแรง ๆ จนแมวรู้สึกเจ็บ เพราะจะถูกตอบโต้ทันทีทันควัน เมื่อเห็นแมวมีอาการเงียบไม่เคลื่อนไหว ก็อย่าวางใจว่าแมวไม่ทำร้าย ความจริงแมวสามารถซ่อนอารมณ์ไว้ในท่าที เฉยเมย ได้อย่างมิดชิด แต่อาการที่สังเกตง่ายมากคือ เมื่อมีขนตั้งชันแสดงว่ามันกลัว หรือ โกรธและพร้อมที่จะต่อสู้อย่างรุนแรง โดยลวงศัตรูให้ตายใจด้วยท่าทีเฉย ๆ แบบน้ำนิ่งไหลลึก ในขณะเดียวกันแมวก็เป็นสัตว์ที่มีอารมณ์ละเอียดอ่อน และรักเจ้าของด้วยความรักใคร่ มันจะรับรู้ความรักจากมือคนลูบโดยจะหลับตาพริ้มแสดงความสุขใจ บางทีก็ซุกซนกับแก้ม และ ซอกคอคน หางจะกระดิกยกขึ้น เป็นช่วงเวลาที่มันมีความสุขมาก

:: ฝึกเรียกชื่อ ::
แมวรู้จัก ชื่อตัวเองได้เช่นเดียวกับสุนัข การตั้งชื่อให้แมวควรถือหลักคือ สั้น ออกเสียงจำได้ง่าย มักเป็นชื่อไม่เกิน 2 พยางค์ เมื่อมีชื่อแล้วก็ต้องหมั่นเรียกควรเริ่มฝึกเรียกตั้งแต่ยังเล็ก โตแล้วอาจไม่ได้ผล ยิ่งเรียกบ่อยแมวก็จำชื่อตัวเองได้เร็วขึ้นและเป็นประโยชน์ในการฝึก เมื่อเรียกแมวแล้วแมวเข้ามาหา ก็ควรให้ความสนใจ เป็นการให้รางวัลและตอกย้ำว่ามันเข้าใจถูกต้องแล้ว

:: ฝึกขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง ::
ตาม ธรรมชาติแล้วแม่แมวจะคอยดูแลและสอนวิธีทำความสะอาดแก่ ลูก ๆ เมื่อเริ่มขบวนการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายครั้งแรก เริ่มเมื่ออายุได้ 2 ถึง 3 อาทิตย์ ด้วยวิธีการเลียบริเวณปากทวารหนักหลังจากกินนมหรืออาหารป็นการกระตุ้นให้ลูก แมวขับถ่
ยออกมา จึงควรเตรียมจัดถาดทรายตื้น ๆ ไว้ให้แก่ลูกแมวในช่วงนี้ มิฉะนั้นมันจะหาที่ขับถ่ายเองแล้วจะกลายเป็นนิสัยที่แก้ยาก นิสัยการขับถ่ายของแมวนั้นถ้าถูกขังอยู่ในกรงเมื่อปวดท้องเขาจะแสดงอาการ คุ้ยพื้น ตะกุยกรงขอร้องอย่างสม่ำเสมอ ถ้าเจ้าของไม่ใส่ใจสังเกตแล้วขังไว้หลายชั่วโมง แมวจะอั้นอุจจาระ และ ปัสสาวะเอาไว้ จนติดนิสัยกลายเป็นแมวท้องผูกทำให้กระเพาะปัสสาวะยืด แมวบางตัวสามารถอั้นได้หลายวันหรืออาจนานถึง 7 วัน สภาพเช่นนี้น่าสงสารมากซึ่งไม่ควรละเลย

ถ้าแมวไม่ขับถ่ายในถาดที่เคย ใช้อยู่เป็นประจำแล้ว วิธีแก้ไขก็คือเปลี่ยนทรายในถาดใหม่ หรือขยายกระบะให้ใหญ่ขึ้น การลงโทษแมวด้วยวิธีการรุนแรงต่าง ๆ จะไม่ได้ผล ควรรีบทำความสะอาดพื้นห้องที่เปรอะเปื้อนให้หมดกลิ่นเพราะลูกแมวจะจำกลิ่น ของมันได้แ
ะย้อนกลับมาถ่ายที่เดิมอีก เราอาจสอนให้แมวขับถ่ายนอกบ้านได้อย่างง่าย ๆ แต่ต้องเตรียมที่ทางให้มันเข้าออกได้ง่ายโดยใช้บานปแระตูปิดเปิดสำหรับแมว โดยเฉพาะ โดยทั่วไปจะทำเป็นบานสปริง การสอนให้แมวรู้จักและใช้ บานเปิดต้องใช้ความอดทน แรก ๆ แมวอาจจะกลัวการถูกบานประตูหนีบขณะที่ผ่านเข้าออก ตอนแรกอาจจะคอยช่วยเหลือจับบานประตูไว้ให้แมวเข้าออกได้ก่อน จากนั้นจึงพยายามปล่อยให้แมวเข้าออกโดยใช้เส้นทางนี้ แล้ว ค่อย ๆ ลดความช่วยเหลือลง จนในที่สุดแมวจะคุ้นเคยและสามารถใช้อุ้งเท้าผลักบานประตูเปิดออกเอง


:: การฝึกแมวในสายฝึก ::
ตรงกันข้ามกับความเชื่อที่คนส่วนใหญ่ว่าไม่ สามารถฝึกแมวเหมือนกับสุนัขได้ แต่ที่จริงแล้วแมวจำนวนมากสามารถฝึกโดยให้อยู่ในสายฝึกได้อย่างไรก็ตามการ ฝึกแมวในสา
ฝึกจะมีข้อจำกัดอยู่บ้าง แมวบางตัวจะทำตัวเรียบร้อยเหมือนสุนัขในสนามประกวดแต่แมวส่วนใหญ่ชอบหยุดนิ่งและมองไ
รอบ ๆ จึงควรฝึกแมวในสายฝึกโดยจูงแมวให้เดินเล่นในบ้านก่อน

การ ฝึกแมวในสายฝึกก็อาศัยหลักการเบื้องต้น เช่นเดียวกับการฝึกชนิดอื่น ๆ ซึ่งต้องมีเครื่องมือฝึกที่เหมาะสมมีความอดทนและส่งเสริมให้กำลังใจ เนื่องแมวเป็นสัตว์ที่มีนิสัยนุ่มลึก มีความรู้สึกเร็ว ถ้าใช้กำลังในการฝึกจะไม่สามารถบรรลุผลได้เลยตรงข้ามต้องแสดงความรัก แสดงให้รู้ว่าต้องการให้มันทำและพยายามชักชวนให้ทำตามที่เราต้องการ

ก่อน เริ่มการฝึก ควรหาอุปกรณ์ที่ดีเพื่อป้องกันไม่ให้แมวหนีหรือเป็นอันตรายได้ เพราะคอของแมวนั้นค่อนข้างบอบบางกว่าคอของสุนัข ปลอกคอจะไม่เหมาะกับการฝึกในสายฝึกมากนัก ควรเปลี่ยนจาปลอกคอเป็นอานที่มีขนาดเบา ลักษณะเป็นอานเลข 8 หรือรูปตัว H มีสายหนึ่งพาดผ่านลำตัวหลังขาหน้าอานดังกล่าวต้องพอดีไม่รัดแน่นจนเกินไป ห่วงโลหะที่อยู่ ช่วงกลางของอานจะเป็นที่ฝึกสายเหนือส่วนหลังของแมวสายฝึกควรเบาและสั้นไม่ ควรยาวเกิน 5 ฟุต มีที่จับเป็นห่วงคล้องข้อมือของผู้ฝึกได้ เพื่อว่าหากมีอันตรายอะไรเกิดขึ้นกับแมว ก็สามารถอุ้มมันขึ้นมาทันท่วงที ก่อนที่จะเริ่มฝึกแมวในสายฝึกนี้ต้องทำให้แมวเคยชินหรือยอมรับกับการใส่อาน ก่อน ไม่ว่าแมวนั้นจะอายุน้อยหรือมาก เทคนิคที่ใช้ได้เหมือนกัน ประการแรกควรเตรียมอาหารสำหรับให้เป็นรางวัล เริ่มขั้นแรกในบ้านที่ปลอดภัยก่อน โดยสวมอานให้ปราศจากการฝึก แมวอาจนอนกลิ้งโดยเอาสีข้างลงและไม่ยอมขยับเขยื้อนหรือวิ่งหนี ไม่ว่าอยู่ในลักษณะไหนก็อย่าได้กังวล ให้รางวัลแก่แมวแล้วรอดู เมื่อแมวยืนขึ้นแล้วเดินมาหาครูฝึก ให้รางวัลทันที ให้อานอยู่ที่ตัวแมวสัก 10 นาทีในแต่ละครั้ง ทำซ้ำอย่างนี้สองถึงสามครั้งต่อวัน เมื่อแมวรู้สึกชินกับอานก็ให้เกี่ยวสายฝึกกับอานได้ ต่อไปเป็นการฝึกขั้นที่สอง สอนให้แมวเดินในสายฝึก ผู้ฝึกถือสายฝึกอยู่ในมือให้ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวพร้อมกับกระตุกสายฝึก อย่างนุ่มน
ลหากแมวเดินตามก็ให้รางวัลด้วยอาหารที่เตรียมไว้ หลังจากฝึกจนเป็นผลสำเร็จเป็นเวลาหลายวันแล้วก็ค่อย ๆ ลดการให้อาหารเป็นรางวัลลง

การจูงแมวอาจจูงให้เดินไปทางขวาหรือทางซ้ายมือของผู้ฝึกหากแมวเดินเดินอยู่ทางซ้ายมื
ก็จะพันสายจูงเข้ากับข้อมือขวาและบังคับแมวด้วยข้อมือซ้ายในกรณีที่มีปัญหาอาจจะอุ้ม
มวด้วยมือซ้อายและยึดสายฝึกให้อยู่กับที่โดยอาศรัยมือขวาหากแมวดิ้นพยายามจะหนีจากสา
ฝึก ขอให้อดทนและสุภาพ แต่ถ้าแมวปฏิบัติได้ดี เช่น เดินตามไปก็ให้รางวัลทันที เมื่อแมวเดินตามทางที่กระตุกสายจูงแบบนุ่มนวลก็ให้ดำเนินการฝึกขั้นที่สาม ต่อไป คือการฝึกนอกบ้าน การนำแมวออกเดินนั้นค่อนข้างจะแตกต่างไปจากการจูงสุนัขเดินเล่นเพราะแมวจะไว ต่อสิ่งก
ะตุ้นแวดล้อมรอบตัว เช่น แมวมักจะหยุดดมดอกไม้หรือจ้องมองสิ่งของที่เคลื่อนไหวอยู่นาน ๆ ก็ต้องทำใจ อย่าบังคับให้แมวเดินเร็วเกินไป ควรเดินแบบช้า ๆ เดินให้สนุกเพื่อให้แมวรู้สึกสนุกด้วย ควรเตรียมใจที่จะเดินแล้วหยุด หยุดแล้วเดินอยู่บ่อย ๆ หากแมวเกิดความกลัวก็อย่าพยายามพาแมวเดินออกนอกบ้าน หากจะสอนให้แมวเดินตามโดยไม่มีสายฝึกก็ใช้วิธีเดียวกับที่ได้กล่าวมาข้างต้น อย่างไรก็ตามการฝึกแบบนี้ไม่ควรทำ เพราะแมวอาจจะตื่นกลัวและวิ่งหนีจนตามจับไม่ทัน และอาจสูญหายได้

ควร จำไว้ว่า การฝึกแมวในสายฝึกนี้ไม่ใช่ทุกคนจะทำได้ แต่การฝึกจะช่วยให้ สัมพันธภาพระหว่าง เจ้าของกับแมวดีขึ้น หากทำสำเร็จแล้วแมวจะไม่ต่อต้านและเต็มใจจะเดินไปไหน ๆ ด้วย ขอให้ระลึกไว้เสมอว่า ควรฝึกด้วยความระมัดระวังและให้เกิดความสนุกสนาน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น